การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่อยู่ในบังคับ

               ในการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์  โดยทั่วไปแล้วให้ถือว่าผู้โอนเป็น

  ผู้มีเงินได้และต้องเสียภาษีเงินได้  แต่เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์
ดังต่อไปนี้  เป็นกรณีที่ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก  ณ  ที่จ่าย  ทั้งนี้  ตามคำสั่งกรมสรรพากร  ที่  ป.๑๐๐/๒๕๔๓  ลงวันที่ ๒๔พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๕๔๓
          ๑.   การโอนโดยทางมรดกซึ่งกรรมสิทธ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ทายาท ไม่ว่าจะเป็นทายาทโดยธรรมหรือทายาทโดยพินัยกรรม
         ๒.  การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของตนเองโดยไม่มีค่าตอบแทน  บุตรชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม
          ๓.  การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดก หรือที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หาที่ตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร  เทศบาล  สุขาภิบาล  หรือเมืองพัทยา  หรือการปกครองท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ  ทั้งนี้  เฉพาะการโอนในส่วนที่ไม่เกิน  ๒๐๐,๐๐๐ บาท  ตลอดปีภาษีนั้น
          ๔.  การโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่มิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะกรณีที่ผู้โอนได้รับค่าตอบแทนเป็นสิทธิในการใช้ทรัพย์สินที่โอนนั้นเพื่อกิจการผลิตสินค้าของตนเอง
          ๕.  การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์  ทั้งนี้  เฉพาะที่ดินที่ต้องเวนคืนและอสังหาริมทรัพย์อื่นบนที่ดินที่ต้องเวนคืน
           ๖.  กรณีสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ต้องตกไปเป็นของบุคคลอื่น  ตามมาตรา ๑๓๖๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  หรือโดยการถูกแย่งการครอบครอง  และมิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้นภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองตามมาตรา  ๑๓๗๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือโดยการสละเจตนาครอบครอง หรือไม่ยึดถืออสังหาริมทรัพย์นั้นต่อไปซึ่งเป็นเหตุให้การครอบครองสิ้นสุดลงตามมาตรา  ๑๓๗๗  แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  เจ้าของสิทธิครอบครองเดิมไม่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีเงินได้       
           อสังหาริมทรัพย์ที่บุคคลอื่นได้สิทธิครอบครองไปตามวรรคหนึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๓๙ แห่งประมวลรัษฎากร  ผู้ได้สิทธิครอบครองจะต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ตามปกติ
           ๗.  กรณีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ต้องตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่นโดยการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา  ๑๓๘๒  แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  เจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมไม่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษี
เงินได้
                 อสังหาริมทรัพย์ที่ได้เป็นกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามวรรคหนึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา  ๓๙  แห่งประมวลรัษฎากรของผู้ได้กรรมสิทธิ์  ซึ่งจะต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ตามปกติ
           ๘.  การแบ่งสินสมรสที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีราคาของแต่ละฝ่ายเท่ากัน  ไม่ถือเป็นการ "ขาย"  ตามมาตรา  ๓๙ แห่งประมวลรัษฎากร  ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
           ๙.  การแก้ไขหรือเพิ่มเติมชื่อคู่สมรสในเอกสารสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นสินสมรส  ไม่ถือเป็นการ  "ขาย"  ตามมาตรา  ๓๙  แห่งประมวลรัษฎากร  ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
         ๑๐.  กรณีครอบครองอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ใกล้เคียงกัน  เนื้อที่เท่ากัน  แต่ถือโฉนดที่ดินไว้ผิดสับเปลี่ยนกัน  เมื่อได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินแก้ไขชื่อในโฉนดให้เป็นการถูกต้องแล้วโดยมิได้มีเจตนาแลกเปลี่ยนที่ดินกัน 
ไม่ถือเป็นการ  "ขาย"  ตามมาตรา  ๓๙  แห่งประมวลรัษฎากร  ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
         ๑๑.  กรณีปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่าเป็นตัวแทนถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์
แทนตัวการ  เมื่อตัวแทนจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์คืนให้แก่ตัวการโดย
ไม่ได้รับเงินหรือประโยชน์อื่นใดเป็นการตอบแทน   การโอนดังกล่าวไม่ถือเป็นการ   "ขาย"  ตามมาตรา  ๓๙ 
แห่งประมวลรัษฎากร  ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้  

                                              กลุ่มพิจารณาปัญหาข้อหารือและร้องเรียน                                                               

 ส่วนมาตรฐานการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม  สำนักมาตรฐานการทะเบียนที่
                                             กุมภาพันธ์  ๒๕๔๘